สร้างสรรค์ความอร่อยละมุน กับ "ขนมเปียกปูนใบเตย" ขนมหวานไทยแสนคลาสสิกที่คุณทำเองได้ไม่ยาก

ขนมเปียกปูนเป็นขนมหวานไทยโบราณที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยรสชาติหวานละมุน เนื้อนุ่มเด้ง เคลือบด้วยกะทิหอมมัน ปัจจุบันมีการดัดแปลงสูตรโดยใช้ใบเตย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาเรียนรู้วิธีทำขนมเปียกปูนใบเตยอย่างละเอียด พร้อมเคล็ดลับและประโยชน์ดีๆ ที่คุณควรรู้

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

ส่วนผสมตัวแป้ง

• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
• แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชาน้ำกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
• ใบเตยหั่นฝอย 10 ใบ

ส่วนผสมกะทิเคลือบ

• หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1: ผสมแป้งและน้ำตาล

ในภาชนะขนาดกลาง ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลทราย และเกลือป่นให้เข้ากัน

ขั้นตอนที่ 2: ผสมน้ำกะทิ

ค่อยๆ เติมน้ำกะทิลงในส่วนผสมแป้งทีละน้อย โดยใช้ตะกร้อมือคนไปด้วยจนแป้งละลายเข้ากันดี ไม่มีเม็ดแป้งเป็นก้อน

ขั้นตอนที่ 3: เติมใบเตยหั่นฝอย

ใส่ใบเตยหั่นฝอยลงในส่วนผสมแป้ง คนให้ใบเตยกระจายตัวทั่วทั้งแป้ง ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้กลิ่นใบเตยซึมเข้าสู่แป้ง

ขั้นตอนที่ 4: ทำน้ำกะทิเคลือบ

ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำกะทิ เกลือป่น และน้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟกลาง คนเรื่อยๆ จนน้ำกะทิเริ่มเดือดและมีลักษณะข้นเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 5: เทแป้งลงในพิมพ์

นำแป้งที่เตรียมไว้มาเทลงในพิมพ์ขนาด 8x8 นิ้วที่ทาเนยไว้บางๆ แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือดเป็นเวลาประมาณ 20-25 นาที หรือจนขนมสุก สังเกตได้ว่าเนื้อขนมจะใสและเด้ง

ขั้นตอนที่ 6: ตัดขนมและราดกะทิเคลือบ

หลังจากขนมสุก นำออกจากพิมพ์แล้วรอให้เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นตัดขนมเป็นชิ้นตามขนาดที่ต้องการ แล้วราดด้วยกะทิเคลือบที่เตรียมไว้

เคล็ดลับความอร่อย

• เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอมใบเตยเข้มข้นมากขึ้น ให้เพิ่มปริมาณใบเตยหั่นฝอยเป็น 20 ใบ
• หากไม่มีใบเตยสด สามารถใช้ใบเตยแห้งประมาณ 5-7 ใบ แทนได้ แต่กลิ่นอาจจะไม่หอมเท่าใบเตยสด
• หากต้องการให้ขนมมีสีเขียวสวยงามมากขึ้น สามารถเพิ่มหัวกะทิในส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วยตวงได้
• สำหรับผู้ที่ชอบความหวานน้อย สามารถลดปริมาณน้ำตาลทรายได้ตามชอบ

ประโยชน์ของขนมเปียกปูนใบเตย

ขนมเปียกปูนใบเตย นอกจากเป็นขนมหวานที่อร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

• ใบเตย มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และยังมีฤทธิ์ช่วยลดความเครียด
• กะทิ มีไขมันอิ่มตัวที่ช่วยเพิ่มระดับไขมันดีในเลือด และยังมีสารต้านการอักเสบ
• แป้งข้าวเจ้า มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานแก่ร่างกายและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของขนมเปียกปูนใบเตย

คำถามที่พบบ่อย

1. ขนมเปียกปูนใบเตยเก็บไว้ได้นานแค่ไหน?

ขนมเปียกปูนใบเตยสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน

2. สามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยในไมโครเวฟได้หรือไม่?

ได้ สามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยในไมโครเวฟได้ โดยใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 5-7 นาที

3. ฉันสามารถใช้แป้งชนิดอื่นแทนแป้งข้าวเจ้าได้ไหม?

ได้ สามารถใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์แทนแป้งข้าวเจ้าได้ แต่เนื้อขนมอาจจะมีความเหนียวนุ่มต่างกันเล็กน้อย

4. ฉันสามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยโดยไม่ใช้ใบเตยได้ไหม?

ได้ แต่ขนมจะไม่มีกลิ่นหอมใบเตย

5. ฉันสามารถใส่ไส้ต่างๆ ในขนมเปียกปูนได้ไหม?

ได้ สามารถใส่ไส้ต่างๆ เช่น ถั่วดำ กะทิสด หรือลูกตาลอ่อน ได้ตามชอบ

6. ฉันสามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยในแบบเจได้อย่างไร?

ได้ โดยใช้น้ำกะทิเจและน้ำตาลปี๊บแทนส่วนผสมที่ทำจากสัตว์

7. ฉันสามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยในแบบคีโตได้อย่างไร?

ได้ โดยใช้แป้งอัลมอนด์หรือแป้งมะพร้าวแทนแป้งข้าวเจ้า และใช้น้ำกะทิคีโตแทนน้ำกะทิปกติ

8. ฉันสามารถทำขนมเปียกปูนใบเตยแบบแป้งสดได้อย่างไร?

ได้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน แล้วนำไปห่อด้วยผ้าขาวบาง นึ่งจนแป้งสุก แล้วนำมาผสมกับส่วนผสมกะทิ