Position:home  

เครื่องยนต์เย็นฉ่ำราวกับเพิ่งแช่เย็นมา หายห่วงเรื่องความร้อนสูง

น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย แต่จะเลือกน้ำหล่อเย็นอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ของเรา วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากกัน

น้ำหล่อเย็นคืออะไร

น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์คือของเหลวที่ใช้ช่วยระบายความร้อนจากเครื่องยนต์หลักการทำงานคือ น้ำหล่อเย็นจะไหลเวียนไปทั่วเครื่องยนต์และดูดซับความร้อนจากชิ้นส่วนที่ร้อนจัด เช่น ห้องเผาไหม้และฝาสูบ จากนั้นน้ำหล่อเย็นจะถูกส่งกลับไปยังหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนลง และไหลเวียนกลับเข้าไปในเครื่องยนต์อีกครั้ง

องค์ประกอบของน้ำหล่อเย็น

engine coolant

โดยทั่วไปแล้ว น้ำหล่อเย็นจะประกอบด้วยส่วนผสมหลัก 3 อย่าง ได้แก่

  • น้ำ (ส่วนใหญ่)
  • เอทิลีนไกลคอลหรือโพรพิลีนไกลคอล (ประมาณ 50%) เป็นสารต้านการแข็งตัว ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหล่อเย็นแข็งตัวในอุณหภูมิต่ำ
  • สารเติมแต่ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม การกัดกร่อน และการเกิดฟอง

ประเภทของน้ำหล่อเย็น

น้ำหล่อเย็นมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่

  • น้ำหล่อเย็นสีเขียว หรือที่เรียกว่า น้ำหล่อเย็นแบบ Inorganic Additive Technology (IAT) เป็นประเภทที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี
  • น้ำหล่อเย็นสีแดง หรือที่เรียกว่า น้ำหล่อเย็นแบบ Organic Acid Technology (OAT) มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี
  • น้ำหล่อเย็นสีชมพู หรือที่เรียกว่า น้ำหล่อเย็นแบบ Phosphate Organic Acid Technology (POAT) มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี
  • น้ำหล่อเย็นสีน้ำเงิน หรือที่เรียกว่า น้ำหล่อเย็นแบบ Hybrid Organic Acid Technology (HOAT) มีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี

ตารางเปรียบเทียบประเภทของน้ำหล่อเย็น

ประเภทน้ำหล่อเย็น อายุการใช้งาน สารเติมแต่งหลัก
IAT (สีเขียว) 2 ปี สารซิลิเกต
OAT (สีแดง) 5 ปี กรดอินทรีย์
POAT (สีชมพู) 10 ปี โฟสเฟต กรดอินทรีย์
HOAT (สีน้ำเงิน) 5 ปี กรดอินทรีย์ผสมสารซิลิเกต

วิธีเลือกน้ำหล่อเย็นให้เหมาะกับรถยนต์

ควรเลือกน้ำหล่อเย็นที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ โดยทั่วไปจะระบุไว้ในคู่มือประจำรถยนต์ โดยพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

เครื่องยนต์เย็นฉ่ำราวกับเพิ่งแช่เย็นมา หายห่วงเรื่องความร้อนสูง

  • ชนิดเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล
  • อายุรถยนต์ รถยนต์ใหม่หรือเก่า
  • สภาพการใช้งาน ใช้ในสภาพปกติหรือใช้งานหนัก

ตารางการเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นตามอายุรถยนต์

อายุรถยนต์ ประเภทน้ำหล่อเย็น ช่วงเวลาเปลี่ยนถ่าย
น้อยกว่า 3 ปี IAT 2 ปี
3-5 ปี OAT, HOAT 3-5 ปี
มากกว่า 5 ปี POAT 5-10 ปี

วิธีเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นด้วยตนเอง

สามารถเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นด้วยตนเองได้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เตรียมอุปกรณ์ อุปกรณ์ที่จำเป็น ได้แก่ น้ำหล่อเย็น ท่อน้ำสำหรับระบายน้ำหล่อเย็น ประแจ แหวนประจำฝาหม้อน้ำท่อน้ำ แว่นตาเซฟตี้ ถุงมือยาง
  2. ระบายน้ำหล่อเย็นเก่า จอดรถในพื้นที่ปลอดภัย ปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นสนิท จากนั้นหาจุดระบายน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและเครื่องยนต์ วางภาชนะรองใต้จุดระบายน้ำ เปิดจุดระบายน้ำและปล่อยให้น้ำหล่อเย็นไหลออกจนหมด
  3. เติมน้ำหล่อเย็นใหม่ ปิดจุดระบายน้ำ เติมน้ำหล่อเย็นใหม่ลงในหม้อน้ำจนถึงระดับที่กำหนด จากนั้นสตาร์ทรถยนต์และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานจนร้อนและพัดลมระบายความร้อนทำงาน จากนั้นเติมน้ำหล่อเย็นเพิ่มเติมจนถึงระดับที่กำหนด
  4. ไล่ลมออกจากระบบ เปิดฝาหม้อน้ำและสตาร์ทรถยนต์ บีบและปล่อยท่อระบบทำความเย็นเพื่อไล่ลมออกจากระบบ จากนั้นเติมน้ำหล่อเย็นเพิ่มเติมจนถึงระดับที่กำหนด ปิดฝาหม้อน้ำและเช็กรอยรั่ว

กลยุทธ์การดูแลรักษาน้ำหล่อเย็น**

นอกจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ยังมีกลยุทธ์การดูแลรักษาน้ำหล่อเย็นอื่นๆ ที่ควรปฏิบัติตามด้วย ได้แก่

  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเป็นประจำ ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเป็นประจำทุกเดือน โดยสังเกตจากขีดบอกระดับที่หม้อพักน้ำ
  • ระวังสัญญาณเตือน หากพบว่าหม้อน้ำรั่วหรือมีเสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์ ควรนำรถยนต์ไปตรวจสอบที่อู่ซ่อมรถทันที
  • อย่าผสมน้ำหล่อเย็นต่างประเภท การผสมน้ำหล่อเย็นต่างประเภทอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี สารเติมแต่งในน้ำหล่อเย็นอาจเกิดการตกตะกอนและอุดตันในระบบหล่อเย็น

เรื่องราวสนุกๆ ที่ได้เรียนรู้**

เรื่องที่ 1

มีชายคนหนึ่งขับรถไปต่างจังหวัดระยะทางไกล ในระหว่างทาง เกจวัดอุณหภูมิจึงขึ้นเตือนว่าเครื่องยนต์ร้อนเกินไป ชายคนนั้นจึงจอดรถข้างทางและเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจสอบ พบว่าน้ำหล่อเย็นรั่ว เนื่องจากหม้อน้ำรั่ว เขาจึงโทรเรียกรถยกและนำรถไปยังอู่ซ่อมรถ

บทเรียนที่ได้ การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและสภาพหม้อน้ำเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขณะขับรถ

น้ำหล่อเย็นคืออะไร

เรื่องที่ 2

มีผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังขับรถไปทำงาน ในระหว่างทาง มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากฝากระโปรงหน้า เธอจึงจอดรถและเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจสอบ พบว่าน้ำหล่อเย็นสีเขียวไหลทะลักออกมา เธอจึงรีบปิดฝากระโปรงหน้าและโทรเรียกช่างซ่อมรถ

บทเรียนที่ได้ การใช้สารหล่อเย็นที่ไม่ถูกต้องหรือเก่าเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบหล่อเย็น ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดควันสีขาว

เรื่องที่ 3

มีชายคนหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเลยตั้งแต่ซื้อรถมา เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี น้ำหล่อเย็นจึงกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มและมีสนิมจับตัวอยู่ จนวันหนึ่ง หม้อน้ำก็ทะลุและน้ำหล่อเย็นไหลออกจนหมด ชายคนนั้นจึงต้องเสียค่าซ่อมหม้อน้ำราคาแพง

บทเรียนที่ได้ การเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะเวลาที่กำหนดจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการอุดตันในระบบหล่อเย็น ช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำและชิ้นส่วนอื่นๆ ในระบบหล่อเย็น

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง**

ในการดูแลรักษาน้ำหล่อเย็น มีข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • การใช้น้ำเปล่าแทนน้ำหล่อเย็น น้ำเปล่ามีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำหล่อเย็นมาก การใช้น้ำเปล่าอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดอันตรายได้
  • การเติมน้ำประปาลงในระบบหล่อเย็น น้ำประปามีแร่ธาตุและสารเคมีต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดการอุดตันและการกัดกร่อนในระบบหล่อเย็น
  • การไม่ไล่ลมออกจากระบบหลังจากเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น การไล่ลมออกจากระบบเป็นขั้นตอนสำคัญ ช่วยป้องกันการเกิดฟองอากาศที่อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด

สรุป**

น้ำหล่อเย็นเครื่อง

Time:2024-09-07 02:35:15 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss