ไฟไหม้ที่ไหนก็ดับได้ ถ้ามีรหัสแห่งความปลอดภัย

บทนำ

ไฟไหม้เป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ไม่เพียงเฉพาะกับทรัพย์สิน แต่ยังรวมถึงชีวิตและสุขภาพของผู้คนด้วย จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในปี 2023 เกิดเหตุไฟไหม้ทั่วประเทศไทยกว่า 20,000 ครั้ง สร้างความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 100 คน

เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการป้องกันและดับไฟ พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

สาเหตุของไฟไหม้ที่พบบ่อย

สาเหตุหลักของไฟไหม้ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่

• ไฟฟ้าลัดวงจร (60%)
• ประมาทจากการสูบบุหรี่ (20%)
• การปรุงอาหาร (10%)
• เด็กเล่นไฟ (5%)
• สาเหตุอื่นๆ (5%)

วิธีป้องกันไฟไหม้

การป้องกันไฟไหม้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยมีวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ ดังนี้

1. ระบบไฟฟ้า
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านหรืออาคารอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้สายไฟที่ชำรุดหรือเก่าเกินไป
- ไม่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้ามากเกินไปในจุดเดียว
- ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน

2. ความประมาท
- อย่าสูบบุหรี่ในบ้านหรือบริเวณที่ใกล้กับวัสดุไวไฟ
- จุดธูปหรือเทียนด้วยความระมัดระวังและวางในภาชนะที่ทนไฟ
- อย่าทิ้งก้นบุหรี่ลงในถังขยะหรือพื้น

3. การปรุงอาหาร
- ทำอาหารในบริเวณที่ปลอดภัยและมีอากาศถ่ายเท
- ไม่ทิ้งอาหารไว้บนเตาโดยไม่มีใครดูแล
- ระวังการติดไฟจากเตาแก๊สหรือเตาถ่าน

4. เด็กเล่นไฟ
- เก็บไม้ขีดไฟหรือไฟแช็กให้พ้นจากมือเด็ก
- สอนเด็กให้ตระหนักถึงอันตรายของไฟ
- จัดกิจกรรมให้เด็กทำในพื้นที่ปลอดภัย

ขั้นตอนการดับไฟไหม้

หากเกิดเหตุไฟไหม้ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

1. แจ้งเหตุ
- โทรแจ้งสายด่วน 199 หรือ 119 ทันที
- แจ้งตำแหน่งที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน

2. ช่วยเหลือผู้คนออกจากพื้นที่
- ช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เกิดเหตุไปยังจุดปลอดภัย
- ถ้าเป็นไปได้ ให้ปิดประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไฟ

3. ดับไฟ
- หากไฟยังเล็ก ให้ใช้น้ำหรือถังดับเพลิงดับไฟ
- ถ้าไฟใหญ่ขึ้นให้ปล่อยให้นักดับเพลิงมาจัดการ

มาตรการความปลอดภัยอื่นๆ

นอกจากการป้องกันและดับไฟแล้ว ยังมีมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยได้ ได้แก่

• ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันและระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย
• จัดให้มีเส้นทางหนีไฟที่ปลอดภัยและเปิดโล่งอยู่เสมอ
• จัดอบรมดับเพลิงให้กับพนักงานและผู้พักอาศัย
• จัดหาถังดับเพลิงให้เพียงพอกับขนาดอาคารหรือพื้นที่

ผลกระทบของไฟไหม้

ไฟไหม้ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

ผลกระทบในระยะสั้น
- การบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- การสูญเสียทรัพย์สินและบ้านเรือน
- การหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจ
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบในระยะยาว
- โรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจ
- ความพิการทางร่างกายและจิตใจ
- ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ
- การลอยแพภายใน

ข้อกำหนดทางกฎหมาย

ในประเทศไทย มีกฎหมายและข้อบังคับหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมอัคคีภัย ได้แก่

• พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
• พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
• ข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการป้องกันอัคคีภัยเชิงโครงสร้าง พ.ศ. 2564

กฎหมายและข้อบังคับเหล่านี้กำหนดให้เจ้าของอาคารและผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอัคคีภัย และกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

บทสรุป

ไฟไหม้เป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากไฟไหม้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและดับไฟ พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

การตระหนักถึงปัญหานี้และร่วมมือกันป้องกันไฟไหม้ จะช่วยสร้างสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคน

ตารางที่ 1: สาเหตุของไฟไหม้ทั่วประเทศไทย

ตารางที่ 2: ผลกระทบของไฟไหม้

ตารางที่ 3: มาตรการความปลอดภัยจากไฟไหม้

กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไฟไหม้

• ออกแบบอาคารให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี
• ให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีการป้องกันไฟไหม้
• บังคับใช้กฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
• ทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน
• พัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ป้องกันไฟไหม้ใหม่ๆ

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง

• ละเลยการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า
• เก็บของไวไฟไว้ในบริเวณที่ใกล้กับแหล่งกำเนิดไฟ
• ไม่ใส่ใจกับความปลอดภัยเมื่อสูบบุหรี่
• ทิ้งก้นบุหรี่ไว้ในถังขยะหรือพื้น
• ละเลยการจัดอบรมดับเพลิง

เหตุผลที่การป้องกันไฟไหม้มีความ